สวัสดีครับ ผมจะพาทุกคนไปดูการเปิดตัวครั้งใหญ่ของ OpenAI ในแคมเปญ Ship-mas ที่จัดขึ้น 12 วันติดต่อกัน มีอะไรน่าสนใจบ้าง มาดูกันครับ
การปฏิวัติประสบการณ์ผู้ใช้ (Enhanced User Experience)
เริ่มต้นด้วยการผนวกรวม ChatGPT เข้ากับระบบนิเวศของ Apple ครับ ตอนนี้เราสามารถเรียกใช้ ChatGPT ผ่าน Siri ได้แล้ว แค่พูดว่า "Hey Siri, ask ChatGPT..." โดยไม่ต้อง login ก็ใช้งานได้เลย แต่ถ้าใครมี Plus Account ก็สามารถเชื่อมต่อเพื่อเก็บประวัติการสนทนาได้ด้วย
ที่น่าตื่นเต้นมากๆ คือฟีเจอร์ใหม่บน iPhone 16 ที่สามารถใช้กล้องสแกนและวิเคราะห์สิ่งของรอบตัวได้ สมมติว่าคุณกำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจก ก็สามารถขอคำแนะนำการแต่งตัวจาก AI ได้เลย หรือถ้าทำงานบน macOS ก็สามารถให้ AI อ่านและสรุป PDF ให้ได้ด้วย
Advanced Voice Mode ก็เป็นอีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจมาก ไ่คุยด้วยเสียงธรรมดา แต่มีภาพวิดีโอด้วย คุณสามารถแชร์หน้าจอให้ AI ดูได้ เหมาะมากสำหรับการสอนการบ้านหรือคณิตศาสตร์แบบ real-time ผมชอบที่เขาเพิ่มเสียงตอบกลับแบบ Santa มาด้วย ทำให้การใช้งานสนุกขึ้นมาก
อีกหนึ่งความเจ๋งคือ ChatGPT Call ที่ให้คุณโทรคุยกับ AI ผ่านเบอร์ 1-800-CHATGPT ได้เลย แม้จะจำกัดแค่ 15 นาทีต่อเดือนและใช้ได้เฉพาะในอเมริกา แต่ก็เป็นก้าวสำคัญในการทำให้ผู้สูงอายุหรือคนที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีเข้าถึง AI ได้ง่ายขึ้น ส่วนการแชทผ่าน WhatsApp นั้นใช้ได้ไม่จำกัดเวลาและใช้ได้ทั่วโลก
เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Productivity Tools)
Canvas Mode เป็นฟีเจอร์ที่ผมชอบมากๆ ครับ มันเหมือนกับมี Word Processor ที่ฉลาดมาก คุณสามารถแก้ไขเนื้อหาได้แบบ real-time ปรับแต่งความยาว เปลี่ยน tone การเขียนจาก formal เป็น informal หรือตรวจสอบ grammar ได้ในที่เดียว สำหรับโปรแกรมเมอร์ก็มีโหมดเขียนโค้ดที่รัน Python ได้โดยตรง แก้ไขโค้ดแบบ interactive และทดสอบได้ในตัว
ระบบจัดการโปรเจกต์อัจฉริยะ (Smart Project Management)
อีกฟีเจอร์ที่ผมรอมานานมากๆ คือระบบ Projects ครับ หลังจากใช้ ChatGPT มาปีกว่า การจัดการบทสนทนาเป็นเรื่องปวดหัวมาก แต่ตอนนี้เราสามารถจัดการแชทเป็นโฟลเดอร์ได้แล้ว ที่เจ๋งคือเราสามารถกำหนด instruction เฉพาะสำหรับแต่ละโปรเจกต์ได้ด้วย
ผมลองใช้งานแล้วพบว่าช่วยจัดระเบียบความคิดได้ดีมาก เช่น ถ้าผมทำโปรเจกต์เกี่ยวกับการเขียนบทความ ก็สามารถอัพโหลดไฟล์อ้างอิงทั้งหมดไว้ในโฟลเดอร์เดียวกัน แล้วให้ AI เข้าใจบริบทของงานทั้งหมด ระบบ Smart Folder ก็ฉลาดพอที่จะจัดลำดับโปรเจกต์ตามความถี่การใช้งาน ทำให้หาโปรเจกต์ที่กำลังทำอยู่ได้ง่ายขึ้นมาก
การค้นหาข้อมูลแบบใหม่ (Next-Gen Search)
OpenAI ยังท้าทาย Google ด้วยการเปิดฟีเจอร์ Search ให้ใช้ฟรีสำหรับทุกคน ผมลองใช้แล้วรู้สึกว่าการค้นหาข้อมูลเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะการค้นหาร้านอาหารหรือสถานที่ต่างๆ UI ใหม่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย แม้จะยังไม่เทียบเท่า Google ในบางแง่มุม แต่ก็เห็นศักยภาพที่จะพัฒนาต่อไปได้อีกมาก
โมเดล AI รุ่นใหม่ (New AI Models)
ไฮไลท์สำคัญคือการเปิดตัว ChatGPT O1 ที่ไม่ใช่แค่เวอร์ชัน Preview อีกต่อไป พร้อมกับ O1 Pro ที่มาพร้อมความสามารถที่เหนือกว่า แม้จะมีราคาค่อนข้างสูงที่ 200 เหรียญต่อเดือน แต่ก็มาพร้อมกับการใช้งาน Sora (เครื่องมือสร้างวิดีโอ) แบบไม่จำกัด
ที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือการประกาศ O3 Preview ในวันสุดท้าย ที่อ้างว่าสามารถแก้โจทย์คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ได้แม่นยำมากขึ้น และเขียนโค้ดได้เก่งกว่า O1 ถึง 20%
Sora: การปฏิวัติวงการสร้างวิดีโอด้วย AI
หนึ่งในไฮไลท์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดของ Ship-mas คือการเปิดตัว Sora - เครื่องมือสร้างวิดีโอจาก AI ที่ทุกคนรอคอยมานาน ด้วยความสามารถในการสร้างวิดีโอได้หลายรูปแบบ ทั้ง Text-to-Video, Image-to-Video และ Video-to-Video ผ่าน UI ที่ใช้งานง่าย คล้ายกับ Midjourney เวอร์ชั่นเว็บไซต์ สิ่งที่น่าประทับใจคือฟีเจอร์ Story Board ที่ให้เราวางแผนฉากต่างๆ ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ แล้ว Sora จะสร้างวิดีโอที่มีการเปลี่ยนฉากอย่างต่อเนื่องตามที่เราต้องการ
อย่างไรก็ตาม Sora ยังมีข้อจำกัดที่น่าสนใจ ผู้ใช้ ChatGPT Plus สามารถใช้งานได้แต่จำกัดความละเอียดที่ 720p และยังไม่สามารถสร้างภาพที่มีคนได้ ส่วนผู้ใช้ Pro ที่จ่าย 200 เหรียญต่อเดือนจะสามารถสร้างวิดีโอได้ไม่จำกัด นอกจากนี้ยังมีความท้าทายในการจัดการกับฟิสิกส์ของวัตถุ ที่บางครั้งอาจทำให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ผิดธรรมชาติหรือตัวละครหายตัวแบบไม่สมเหตุสมผล
ไม่นานหลังจาก Sora เปิดตัว Google ก็ตอบโต้ด้วย Gemini 2.0 และ Video AI รุ่นใหม่ที่แก้ปัญหาเรื่องฟิสิกส์ได้ดีกว่า แสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาด AI Video Generation แม้จะมีข้อจำกัด แต่ Sora ก็เปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับครีเอเตอร์และนักการตลาดในการสร้างคอนเทนต์โฆษณาแบบรวดเร็ว ทำ prototype และสร้างเอฟเฟกต์พิเศษเบื้องต้น
ในช่วงเทศกาล Holiday นี้ OpenAI ยังเปิดให้ผู้ใช้ Plus ทดลองใช้ Sora แบบไม่จำกัด ถือเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ที่สนใจจะทดสอบความสามารถของ AI ในการสร้างวิดีโอ ผมเชื่อว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และในอนาคตเราจะได้เห็นการพัฒนาที่น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อ OpenAI สามารถแก้ไขข้อจำกัดต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
AI Development Tools: เครื่องมือใหม่สำหรับนักพัฒนา AI
OpenAI สร้างความตื่นเต้นให้ชุมชนนักพัฒนาด้วยการเปิดตัว Reinforcement Fine-Tuning (RFT) รูปแบบใหม่ในวันที่ 2 ของ Ship-mas เทคนิคนี้เปลี่ยนวิธีการฝึก AI แบบเดิมๆ ที่เคยเน้นแค่การป้อนข้อมูล มาเป็นการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์และปรับตัวกับสถานการณ์ใหม่ๆ เช่น การนำ GPT-4 มาทำ RFT เพื่อให้วิเคราะห์โจทย์ซับซ้อนได้ดีขึ้น โดยไม่จำกัดอยู่แค่ข้อมูลที่เคยเรียนรู้มา
นอกจากนี้ ในวันที่ 9 ยังมีการอัปเดต API ครั้งใหญ่ เปิดให้ใช้ GPT-4 Turbo (O1) ผ่าน API ได้ พร้อมลดราคา Token สำหรับ Real-time Audio API ลง 60% ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปที่ใช้ความสามารถของ AI ได้ง่ายและถูกลง โดยเฉพาะแอปที่ต้องการฟีเจอร์การโต้ตอบด้วยเสียง การอัปเดตครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า OpenAI ต้องการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อนักพัฒนา เพื่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ในปี 2024
มองไปข้างหน้า (Future Outlook)
ผมมองว่าปี 2024 จะเป็นปีที่ AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง เราจะเห็นการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นระหว่าง OpenAI, Google, และผู้เล่นรายอื่นๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ใช้งานอย่างเราๆ ที่จะได้ใช้เครื่องมือที่ดีขึ้นในราคาที่เข้าถึงได้
สำหรับใครที่กำลังลังเลว่าจะเริ่มใช้งาน ChatGPT Plus ดีไหม ผมแนะนำให้ลองใช้สักเดือน ด้วยราคา 20 เหรียญ ถ้าช่วยประหยัดเวลาได้แค่ 40-80 ชั่วโมงต่อเดือน ก็คุ้มค่าแล้วครับ
Ship-mas ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า OpenAI ไม่ได้หยุดนิ่งในการพัฒนา และผมเชื่อว่าสิ่งที่เราเห็นในตอนนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติเทคโนโลยี AI เท่านั้น